16.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และหัวหน้าทัวร์ เคาน์เตอร์เช็คอิน เคาน์เตอร์ สายการบินไทย (TG) อาคารผู้โดยสารขาออก ณ สนามบินสุวรรณภูมิ สัมภาระน้ำหนัก 23 กก. สำหรับโหลด (ท่านละ 1 ใบ) และ ถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กก.
19.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถานโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG349 (ใช้เวลาบินประมาณ 5.10 ชั่วโมง) สายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน
22.10 น. เดินทางถึงสนามบินอิสลามาบัด นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว Pearl Continental Hotel***** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าชมมัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) (กรุณาแต่งกายสุภาพ ผู้หญิงเตรียมผ้าคลุมผมไปด้วย) มัสยิดแห่งนี้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1987 สร้างโดยกษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย King Faisal จึงนำพระนามของพระองค์ใช้เป็นชื่อมัสยิดแห่งนี้ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี ให้มีลักษณะคล้ายทรงเต็นท์ 8 เหลี่ยมของชาวเบดูอิน ซึ่งมาถึงบริเวณนี้เป็นพวกแรก มัสยิดไฟซาลสามารถจุคนได้ถึง 100,000 คน และบริเวณรอบนอกจุได้อีกกว่า 200,000 คน และมีเสามินาเรท (หอขาน) 4 ต้น ขนาบสี่มุม สูงต้นละ 79 เมตร นับเป็นมัสยิดที่ใหญ่และสวยงามประจำกรุงอิสลามาบัด ได้เวลานำท่านเดินทางสู่อนุสาวรีย์ปากีสถาน (Pakistan Monument) เป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาชาการ์ปาเรียนทางตะวันตก สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีของชาวปากีสถาน ออกแบบสร้างให้เหมือนรูปกลีบดอกไม้สี่กลีบ สร้างขึ้นจากหินแกรนิต โดยแต่ละกลีบนั้นเป็นตัวแทนแคว้นสำคัญของปากีสถานทั้ง 4 แห่งได้แก่ แคว้นบาลูจิสถาน, แคว้นสินธ์, แคว้นปัญจาบ และแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควา โดยแต่ละกลีบจะมีภาพแกะสลักของ สถานที่สำคัญของประเทศทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ มัสยิดแบดชาฮิ, ป้อมเมืองลาฮอร์, ช่องเขาไคเบอร์ และมินาร์ เอ ปากีสถาน ในใจกลางของอนุสาวรีย์จะมีประติมากรรมรูปสามเหลี่ยมที่มีฐานเป็นดาวห้าแฉก ล้อมรอบไปด้วยน้ำ ที่แสดงถึงบุคคลสำคัญอย่าง มูฮัมหมัด อาลี จินนาห์ บิดาแห่งปากีสถานและมูฮัมมัด อิกบาล กวีและนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงแห่งปากีสถาน ซึ่งดวงดาวและพระจันทร์ยังเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปและเก็บภาพตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองตักศิลา (Taxila) (ระยะทาง 34 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ในรัฐปันจาบของปากีสถาน ปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต นำท่านชมสถานที่สำคัญ อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ โบสถ์และเจดีย์ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้องค์กรยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี 1980 เมืองตักศิลานี้ยังมีชื่อเสียงในการที่เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ศิลปะแบบคานธีรา ประติมากรรม สถาปัตยกรรม การศึกษา และพระพุทธศาสนา มีแหล่งโบราณคดีกว่า 50 แห่งกระจายอยู่รอบเมือง จุดชมเมืองที่สำคัญๆ อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ตักศิลา, เจดีย์ธรรมยาสิกา, เมืองเก่าชีร์กัป, อารามจูเลี่ยน, เทวาลัยจันเดียล อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเมืองเก่าตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว Pearl Continental Hotel***** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
เช้า รับประทานอาหารเช้า (Breakfast Box)
05.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินอิสลามาบัด
06.50 น. ออกเดินทางสู่เมืองกิลกิต โดยเที่ยวบิน PK601 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.15 ชั่วโมง)
08.05 น. เดินทางถึงสนามบินกิลกิต
นำท่านสู่เมืองกิลกิต (Gilgit) เป็นเมืองหลวงตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศปากีสถาน ห่างจากเมืองอิสลามาบัดระยะทางโดยประมาณ 500 กิโลเมตร หากนั่งรถจะใช้เวลาประมาณ 15-18 ชั่วโมง เมืองกิลกิตนั้นเป็นเมืองสำคัญในอดีตเพราะเคยเป็นเมืองที่มีเส้นทางสายไหมตัดผ่านและเป็นเส้นทางเผยแพร่พุทธศาสนาไปยังเมืองต่างๆ ปัจจุบันกลายเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญไป ตามทางหลวงโคราคารัม (Karakoram) ที่มีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังเมืองสการ์ดู, เมืองจิตราล, เมืองเปศวาร์อิสลามาบัด และประเทศจีน นำท่านออกเดินทางไปตามถนนหลวงคาราโครัม ท่านจะได้สัมผัสกับความสวยงามของแม่น้ำฮุนซารวมถึงหมู่บ้านต่างๆ ริมทางขนานกับเส้นทางสายไหมเก่า ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางการค้าและวัฒนธรรม นำท่านสู่จุดชมวิวยอดเขาราคาโปชิ (Rakaposhi View Point) สัมผัสความสวยงามของเทือกเขาราคาโปชิที่ปกคลุมด้วยหิมะอย่างใกล้ชิด ยอดเขาแห่งนี้มีความสูง 7,790เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและถูกจัดอันดับความสูงอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความวามพิสุทธิ์ของธรรมชาติและเทือกเขาแห่งนี้ตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ในโรงแรม
บ่าย นำท่านเดินทางเข้าชมป้อมปราการบาลิต (Balit Fort) ตั้งอยู่ในหุบเขาฮุนซาใกล้เมืองคาริมาบัดทางตอนเหนือของปากีสถาน โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 ป้อมปราการมีความเก่าแก่ถึง 700 ปี ในอดีตเคยเป็นพระราชวังหลวงที่มีสถาปัตยกรรมรูปแบบผสมผสาน ระหว่างแคชเมียร์กับทิเบต พระราชวังได้มีการปรับปรุงและต่อเติมในส่วนต่าง ๆ เพิ่มขึ้น จนมีรูปแบบเหมือนดังเช่นปัจจุบัน ทางขึ้นของป้อมปราการนั้นรถไม่สามารถขึ้นไปได้ จะต้องเดินเท้าขึ้นไปเท่านั้น ตามทางที่เดินขึ้นไปท่านจะได้เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และร้านมีขายของที่ระลึกให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อตลอดเส้นทางเช่นกัน เมื่อท่านขึ้นไปถึงแล้วท่านได้พบกับความสวยงามของป้อมปราการและเทือกเขาที่ล้อมรอบ และวิวของหมู่บ้านที่ลดหลั่นลงไปเป็นขั้นๆ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองคาลิมาบัด (Karimabad) ซึ่งอยู่ด้านล่างของป้อมบัลทิตชาวบ้านในเมืองนี้ส่วนใหญ่จะมีอาชีพปลูกผลไม้เมืองหนาวเช่น แอปเปิล และแอปริคอท เนื่องจากอากาศในหุบเขาแห่งนี้จะมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ปล่อยอิสระให้ท่านเลือกซื้อของฝาก ผลไม้สด และผลไม้อบแห้ง ก่อนนำท่านกลับสู่เมืองฮุนซา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Darbar Hotel/ Legend Hotel / Roomy Dastan Hotel**** หรือเทียบเท่า
(กรุณาเตรียมเสื้อผ้า 1 คืน สำหรับพักค้างที่ Eagle’s Nest Hotel)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่หุบเขานาการ์ (Nagar Valley) (ระยะทาง 35 กิโลเมตร) มีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ 2,438 เมตร อดีตเคยเป็นเมืองหลวงรัฐนาการ์ จนกระทั่งล่มสลายลงในปี ค.ศ. 1974 ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความงดงามของต้นไม้ ลำธาร ท่านจะได้สัมผัสกับความสวยงามของ แนวเทือกเขาราคาโปชิ และเทือกเขาอื่นๆ อีกกว่า 30 ยอดเขา อิสระให้ท่านได้เก็บภาพธรรมชาติตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หุบเขาฮอปเปอร์ (Hopper Valley) เพื่อชมธารน้ำแข็งฮอปเปอร์ (Hopper Glacier) เป็นธารน้ำแข็งที่มีความเก่าแก่จากการทับถมของหิมะอย่างยาวนาน จากหิมะจนกลายเป็นหิน ได้มีบันทึกว่าธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็น เคลื่อนไหวเร็วที่สุดในโลก จุดที่เราจะเข้าไปชมนั้นจะเป็นจุดที่ใกล้ธารน้ำแข็งมากที่สุดซึ่ง เราสามารถเข้าไปชมในจุดที่กำหนดเท่านั้น
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านโบราณ (Altit Village) ซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในอดีต เนื่องจากเป็นทางผ่านของเส้นทางสายไหม จึงทำให้คนจากหลายเมืองผ่านมาพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ยอดเขาดุยเคอร์ (Duiker) เพื่อชมความงดงามของพระอาทิตย์ตกดินตามแนวเทือกเขา อิสระให้ท่านได้ดื่มด่ำกับรรยากาศสวยงามแห่งเทือกเขาดุยเคอร์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Eagle’s Nest Hotel**** หรือเทียบเท่า
05.00 น. นำท่านชมความงดงามของพระอาทิตย์ขึ้นที่ยามเช้า ณ จุดที่ได้ขชื่อว่าสวยที่สุดแห่งเทือกเขานี้ บริเวณที่ได้รับการขนานนามว่า นิ้วมือของหญิงสาว หรือ Lady Finger และบริเวณนี้สามารถเห็นยอดเขาที่สูงที่สุดระดับโลกถึง 5 เขา คือ รัคคาโปชิ, ดิราน, โกลเดนพีค, อัลเตอร์พีค และ มูโลไจแอนท์พีค อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจและความสวยงามของธรรมชาติโดยรอบตามอัธยาศัย
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือทะเลสาบอัตตาบัต เพื่อสัมผัสประสบการณ์ล่องเรือชมทะเลสาบอัตตาบัต (Attabad Lake) ชมความงดงามของทะเลสาบสีฟ้าราวกับเทอร์ควอยซ์ตัดกับเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุม ทะเลสาบตั้งอยู่ในหุบเขาฮุนซา เกิดจากดินถล่มเพราะแผ่นดินไหวเมื่อปี 2009 ลงมาปิดกั้นการไหลของน้ำในแม่น้ำฮุนซาจึงเกิดเป็นทะเลสาบแห่งนี้ ทะเลสาบมีความยาว 21 เมตร และลึก 103 เมตร ทางการจีนได้ช่วยสร้างอุโมงค์ผ่านภูเขาเพื่อเชื่อมกับถนนคาราโครัมใหม่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ทะเลสาบอัตตาบัดจึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของปากีสถานเช่นกัน ได้เวลานำท่านสู่เมืองกุลมิต (Gulmit) แปลว่า หุบเขาแห่งทุ่งดอกไม้ ตามความหมายของภาษาท้องถิ่น มีพื้นที่ครอบคลุมทางเหนือของหุบเขาฮุนซา เป็นเมืองที่มีความเก่าแก่มีอายุมานานหลายทศวรรษตั้งอยู่บนความสูง 2,408 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จากนั้นนำท่านสู่สะพานฮุซเซน แห่งทะเลสาบโบริท (Hussaini suspension bridge) สะพานแขวนมีอายุนับร้อยปี ถูกจัดให้เป็นสะพานที่น่ากลัวที่สุดในโลก สะพานมีลักษะเป็นสะพานถูกขึงด้วยสลิงพาดด้วยไม้แบบห่างๆ ดังนั้นเวลาข้ามเราจะมองเห็นแม่น้ำที่ไหลอยู่ด้านล่างให้ท่านได้ลองเดินข้ามสะพานแห่งนี้ หรือถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองพาสสุ (Passu) ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ บนทางหลวงคาราโครัมไฮเวย์ ติดกับแม่น้ำท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับยอดเขาที่มีลักษณะคล้ายกับทางแหลมของหลังคาปราสาทจนได้ชื่อว่า Passu Cones หรือ Passu Cathedral จากนั้นนำท่านชมธารน้ำแข็งพาสสุ (Passu Glacier)โดยต้องใช้เวลาเดินประมาณ 1 กิโลเมตร สำหรับธารน้ำแข็งพาสสุนั้นเป็นธารน้ำแข็งที่เกิดจากหิมะที่ตกมาสะสมจนหนา 50 – 60 เมตร แล้วเคลื่อนตัวลงมาตามไหล่เขาอย่างช้าๆ ทำให้เกิดการสึกกร่อนลึกลงไปเพราะความหนักของหิมะ พื้นดินที่รองรับจึงเกิดเป็นร่องลึกและกว้างเพราะมีน้ำหนักของน้ำแข็งกดทับ ธารน้ำแข็งจะค่อยๆ ครูดบริเวณที่รองรับจนเกิดหุบเขาตัดขวางรูปตัวยู เมื่อธารน้ำแข็งไหลไปถึงตอนล่าง ธารน้ำแข็งก็ค่อย แตกออกและละลายกลายเป็นลำธาร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Darbar Hotel/ Legend Hotel / Roomy Dastan Hotel**** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองสการ์ดู (Skardu) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในกิลกิต-บัลติสสถาน แห่งปากีสถานและทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของเขตสการ์ดู ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงเกือบ 2,500 เมตร ในหุบเขาสการ์ดู ที่จุดบรรจบกันของแม่น้ำสินธุและแม่น้ำสิการ์ เมืองนี้เป็นประตูสำคัญบนเส้นทางแยกคาราโครัมไฮเวย์และเทือกเขาหิมาลัย ระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติแห่งเทือกเขาหิมาลัย และส่วนของคาราโครัมไฮเวย์ รวมถึงสการ์ดูไฮเวย์อีกด้วย นำท่านชมพระพุทธรูปคาร์กาห์ (Kargah Buddha) พระพุทธรูปยืนถูกแกะสลักไว้บนหน้าผาในหุบเขาคาร์กาห์ (Kargah Valley) ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 7 พระพุทธรูปมีลักษณะเป็นพระยืน ในลักษณะแบบนูนต่ำ องค์พระมีความสูง 50 ฟุต ปรากฏเด่นอยู่บนหน้าผาหินตั้งชัน ถูกค้นพบในช่วงปี ค.ศ. 1938 – 1939 ห่างจากองค์พระไปประมาณ 400 เมตร ยังค้นพบเจดีย์ 3 องค์ด้วยเช่นกัน ยังมีตำนานที่เกี่ยวกับพระพุทธรูปแกะสลักคาร์กาห์นี้ที่ถูกเล่าขานโดยชาวบ้านในท้องถิ่น ตามตำนานระบุว่าครั้งหนึ่ง บริเวณแถบนี้มียักษ์กินคนตนหนึ่งอาศัยอยู่ เรียกกันว่า “ยักษิณี” (Yakhsni) ชาวบ้านนั้นได้รับความเดือดร้อนจากยักษ์ตนนี้ จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากนักบวชที่ผ่านทางมาและนักบวชก็ได้ตรึงนางยักษิณีตนนี้ไว้ที่ก้อนหินเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชมป้อมปราการคาร์โปโช (Kharpocho Fort) ซึ่งเป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 บนชะง่อนหินหน้าผาสูง และเป็นป้อมปราการที่ไว้ป้องกันเมืองสการ์ดู ป้อมแห่งนี้ได้ถูกทำลายในช่วงการเข้ายึดครองของจักรวรรดิโมกุล แต่ยังคงความแข็งแกร่งและตั้งตระหง่านมาจนปัจจุบัน นำท่านเข้าชมความยิ่งใหญ่ของป้อมปราการหินแห่งนี้
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Shangri La Resort Skardu**** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
10.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินสการ์ดู
12.55 น. ออกเดินทางสู่เมืองอิสลามาบัด โดยเที่ยวบิน PK452 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.20 ชั่วโมง)
13.55 น. เดินทางถึงสนามบิน อิสลามาบัด
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองลาฮอร์ (Lahore) (ระยะทาง 370 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง) เมืองหลวงของแคว้นปัญจาบ ประเทศปากีสถาน และมหานครที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ เมื่อพูดถึงลาฮอร์แล้ว บ้างอาจนึกถึงพิธีสวนสนามระหว่างทหารปากีสถานและอินเดีย ที่เกิดขึ้นบริเวณพรมแดนของประเทศทั้งสอง บ้างก็อาจนึกถึงลาฮอร์ในแง่ที่ครั้งหนึ่ง เมืองๆ นี้เคยเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโมกุลอันยิ่งใหญ่ ที่มีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าอักบาร์มหาราช จักรพรรดิชาห์ชะฮัน (พระองค์เดียวกับที่ทรงสร้างทัชมาฮาล) และออรังเซพผู้มั่งคั่ง ต่างเคยพำนักอยู่ที่นี่
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว Pearl Continental Hotel Lahore***** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชมป้อมปราการลาฮอร์ (Lahore Fortress) ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี 1981 ป้อมปราการนี้ถูกสร้างในศตวรรษที่ 11 หลังคริสตกาล เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่สามารถเห็นความแตกต่างของสถาปัตยกรรมโมกุล ในแต่ละยุคสมัยของผู้ปกครองที่ได้สร้างต่อเติม ป้อมลาฮอร์เป็นพระราชวังโบราณสร้างโดยจักรพรรดิอักบาร์ (Akbar The Great) ในระหว่างปี 2099-2149 บนฐานของเชิงเทินโบราณได้รับการต่อเติมโดยจักรพรรดิโมกุลองค์ต่อๆ มา เช่น จะฮานกีร์และราชโอรสรวมไปถึงชาห์จะฮาน (Shah Jahan) ผู้ก่อสร้างทัชมาฮาล นำท่านเข้าชมความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของป้อมลาฮอร์ ได้เวลานำท่านเข้าชมสวนชาลิมาร์ (Shalimar Garden) เป็นกลุ่มสวนเปอร์เซีย เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1637 และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1641 ควบคุมการสร้างโดยคาลิลุเลาะห์ ข่าน ขุนนางในราชสำนักจักรพรรดิชาห์ชะฮันแห่งจักรวรรดิโมกุล ร่วมกับอาลี มาร์ดาน ข่านและมุลละ อะลอล มอล์ก ตูนี แต่เดิมที่ดินที่สร้างสวนเป็นของตระกูลเมียนแห่งเมืองบักบันปุระ ภายหลังจักรพรรดิชาห์ชะฮัน พระราชทานพระราชานุญาตให้ตระกูลนี้เป็นผู้ดูแลสวนเป็นการตอบแทนที่ถวายที่ดิน สวนชาลิมาร์อยู่ในการดูแลของตระกูลเมียนนานกว่า 350 ปี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1962 โมฮัมหมัด อัยยุบข่าน อดีตประธานาธิบดีปากีสถานประกาศให้สวนชาลิมาร์อยู่ในการดูแลของรัฐ และในปี ค.ศ. 1981 สวนชาลิมาร์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมร่วมกับป้อมลาฮอร์ ได้เวลานำท่านเข้าชมสุเหร่าบัดซาฮิ (Badshahi Mosque) หรือ สุเหร่าหลวง (Royal Mosque) ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหน้าของสุเหร่าเป็นลานกว้าง มีหอสวดมนต์ที่จุคนได้ราวสองพันคน ลานกว้างของมัสยิดนี้จุคนได้ราวห้าหมื่นคน สุเหร่าบัดซาฮิถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 100 ปีและได้รับการบูรณะให้อยู่ในสภาพที่เห็นในปี พ.ศ. 2503 ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จะเสด็จประพาสสุเหร่าแห่งนี้ในอีกสองปีต่อมา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ลาฮอร์ (Lahore Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศปากีสถาน ภายในจัดแสดงสิ่งของทางประวัติศาสตร์ที่มีค่ามากมาย ซึ่งมีห้องแสดงโชว์หลายห้อง จาก คันทราราฎษ์ GANDHARA, ศาสนาพุทธ BUDDHIST, เจน JAIN, โมกุล MOGUL และ สมัยอาณานิคม พระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงที่สุด คือพระพุทธรูปปางทุกข์กริยาของพระพุทธเจ้า (สิทธัตถะ) ก็ถูกแสดงอยู่ที่นี่ ได้เวลานำท่านเข้าชมมัสยิดวาซิรข่าน (Wazir Jhan Masjid) เป็นอีกหนึ่งมัสยิดจากสถาปัตยกรรมโมกุลที่สามารถพบได้ในเมืองลาฮอร์ ขึ้นชื่อเรื่องความงามของงานดินเผาเคลือบลงสีและงานกระเบื้องแบบกาชาน จากนั้นนำท่านเที่ยวชมเมืองลาฮอร์ พร้อมเก็บภาพความสวยงามของเมือง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
20.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินลาฮอร์
23.40 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร โดยเที่ยวบิน TG346 (ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมง)
06.10 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ